วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลาง


วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลาง


 (ภาพการรําเกี่ยวข้าว วัฒนธรรมภาคกลาง)

วัฒนธรรมท้องถิ่น  ภาคกลางส่วนใหญ่เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกันกับวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคเหนือ  แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปบ้าง  เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สังคม และค่านิยมในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน  ลักษณะวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีโดยรวมมีความเกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมในพระพุทธศาสนา  และพิธีกรรมเกี่ยวกับคามเชื่อในการดำเนินชีวิต  ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของวัฒนธรรมไทย  ตัวอย่างของวัฒนธรรมทางภาคกลางที่สำคัญ  มีดังนี้
1.ด้านศาสนาและลัทธิความเชื่อเช่น  ประเพณีการรับบัวโยนบัว  การบูชารอยพระพุทธบาทเป็นต้น
     1.ประเพณีรับบัวโยนบัวมีขึ้นที่อำเภอบางพลี  จังหวัดสมุทรปราการ  เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมากว่า 80 ปี   โดยชาวบ้านเชื่อตามตำนานว่า  หลวงพ่อโตลอยตามแม่น้ำเจ้าพระยามาหยุดที่ปากคลองสำโรงเป็นการแสดงเจตจำนงอันแน่วแน่ว่าจะจำพรรษาอยู่ในละแวกนั้นอย่างแน่นอน  ชาวบ้านจึงช่วยกันรั้งนิมนต์เข้ามาจนถึงวัดบางพลีใหญ่ใน  ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานในปัจจุบัน  แล้วอัญเชิญขึ้นไว้ในโบสถ์  หลวงพ่อโตจึงเป็นหลวงพ่อของชาวบางพลีตั้งแต่นั้นมา
     หลังจากนั้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี  ชาวบางพลีจะนิมนต์หลวงพ่อขึ้นเรือแล่นไปให้ชาวบ้านได้มนัสการ   ชาวบ้านจะพากันมาคอยมนัสการหลวงพ่ออยู่ริมคลองและเด็ดดอกบัวริมน้ำโยนเบา ๆ  ขึ้นไปบนเรือของหลวงพ่อ  ต่อมางานรับบัวและโยนบัวจึงกลายเป็นประเพณีสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
     2.การบูชารอยพระพุทธบาท  จังหวัดสระบุรี  โดยรอยพระพุทธบาทเป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง
เพราะเป็นมรดกชิ้นเอกของชาติและศาสนา   เป็นที่รู้จักแพร่หลายของประชาชน  และเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลบูชาพระพุทธบาท คือ ช่วงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 กับช่วง วันขึ้น1 ค่ำเดือน 4 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 4  ประชาชนทั่วทุกสารทิศทั้งในเพศบรรพชิตและคฤหัสถ์ต่างหลั่งไหลมามนัสการรอยพระพุทธบาทในพระมณฑป  อันเป็นการเชื่อมโยงความรู้สึกนึกคิดของพุทธบริษัททั้งหลายให้รู้สึกผูกพันต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ผู้เป็นศาสดาอย่างเหนียวแน่นตลอดมา
2.ด้านที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตทางการเกษตร  ได้แก่
    1.การทำขวัญข้าวเป็นประเพณีที่ยังคงทำกันอย่างกว้างขวางในหมู่ของคนไทยภาคกลาง   ไทยพวน  และไทยอีสานทั่วไป  โดยจะนิยมทำกันเป็นระยะ  คือ  ก่อนข้าวออกรวง  หลังจากนวดข้าว  และขนข้าวขึ้นยุ้ง  สำหรับการเรียกขวัญก่อนข้าวออกรวงจะนิยมทำกันตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เป็นต้นไป  ผู้ที่จะเรียกขวัญจะเป็นผู้หญิงซึ่งจะแต่งกายให้สวยงามกว่าธรรมดา  พอถึงที่นาของตนก็จะปักเรือนขวัญข้าวลงในนา  จากนั้นก็นำผ้าซิ่นไปพาดกับต้นข้าว เอาขนมนมเนย  ของเปรี้ยว  ของเค็ม เครื่องประดับ  ของหอมต่างๆ  หมาก พลู  และบุหรี่  ใส่ลงไปในเรือขวัญข้าว  จากนั้นก็จุดธูป 8 ดอก เทียน 1 เล่ม  และนั่งพนมมือเรียกขวัญข้าว  พอเสร็จพิธีเรียกขวัญแล้วผู้ทำพิธีเรียกขวัญก็จะเก็บข้าวของที่มีค่าบางส่วนกลับบ้าน  ส่วนเครื่องสังเวยอื่น ๆ  ก็จะทิ้งไว้ในเรือนขวัญข้าวนั้นต่อไป  การทำขวัญข้าวเป็นความเชื่อของชาวนาว่าจะทำให้ข้าวออกรวงมาก  ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันมาแต่ดั้งเดิม
3.ด้านยาและการรักษาพื้นบ้าน  จากการศึกษาค้นคว้าและรวบรวมตำรายาพื้นบ้านในจังหวัดชลบุรี  โดยได้มีการสัมภาษณ์แพทย์แผนโบราณ  และค้นคว้าจากตำราที่บันทึกอยู่ในใบลาน  สมุดข่อยขาว สมุดข่อยดำ  พบว่ามีตำรายาไทยแผนโบราณทั้งหมด 318 ขนาน  ที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันมี 138 ขนาน  จำแนกตามคุณสมบัติ เช่น  ยาแก้ไข้ 12 ขนาน  ยาแก้ท้องเสีย 6 ขนาน  ยาขับโลหิต  29 ขนาน  ยาแก้ไอ 1 ขนาน  ยาแก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ 2 ขนาน  ยาแก้ลม 11 ขนาน  เป็นต้น  ยาส่วนใหญ่เป็นพืชสมุนไพร  และแร่ธาตุ
     นอกจากนี้  ยังมีตัวอย่างประเพณีวัฒนธรรมของคนในภาคกลางอีกจำนวนมาก  ที่ถือปฏิบัติกันมาช้านาน  เช่น งานพิธีการทิ้งกระจาดของจังหวัดสุพรรณบุรี  งานประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ  จังหวัดนครสวรรค์  งานประเพณีตักบาตรเทโวของจังหวัดอุทัยธานี  ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง จังหวัดฉะเชิงเทรา
ประเพณีก่อเจดีย์ทราย จังหวัดฉะเชิงเทรา  ประเพณีกวนข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาส จังหวัดชัยนาท  และ
ประเพณีสู่ขวัญสู่ข้าว จังหวัดนครนายก  เป็นต้น
3.3วัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย  มีโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์บนพื้นฐานประวัติศาสตร์อันยาวนาน  วัฒนธรรมต่าง ๆ  ของอีสานเป็นการนำแนวความคิด  ความศรัทธา
และความเชื่อที่ได้สั่งสมและสืบทอดเป็นมรดกต่อกันมา  ตัวอย่างวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ  มีดังนี้
     1.ด้านอาหาร  วัฒนธรรมเกี่ยวกับพืชผักและกรรมวิธีในการปรุงอาหารของชาวอีสานพบว่า  พืชผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านบริโภคมีจำนวน 99 ชนิด  แบ่งออกเป็นพืชน้ำ 10 ชนิด  พืชบก  99 ชนิด  พืชเหล่านี้มีบริโภคตลอดปี  57 ชนิด  ส่วนที่เหลือเป็นพืชผักตามฤดูกาลพืชผักดังกล่าว  กองโภชนา  กระทรวงสาธารสุข  ได้วิเคราะห์สารอาหารแล้วจำนวน 44 ชนิด  ซึ่งต่างให้คุณค่าทางโภชนาการมากมาย  บางชนิดเป็นยาสมุนไพรสามารถป้องกันรักษาโรคภัยต่าง ๆ ได้
     สำหรับกรรมวิธีการปรุงอาหารพบว่าชาวอีสานมีวิธีปรุงอาหารโดยเก็บพืชผักมาประกอบรวมกับเนื้อสัตว์  แล้วทำให้สุก เช่น นึ่ง ต้ม ย่าง เป็นต้น  และเรียกอาหารที่ประกอบแล้วได้  18 วิธี  เช่น แกงอ่อม อ๋อ หมกยำ
ส่า  คั่ว หลู้ ป่น หลน ซุบ เนียน ลาบ ก้อย แจ่ว หลาม เป็นต้น
     ส่วนการถนอมอาหารนั้นใช้เทคโนโลยีพื้นบ้าน  ส่วนใหญ่เป็นการนำอาหารสดมาตากแห้งและใช้วิธีหมักตามธรรมชาติ
     2.ด้านศาสนาและลัทธิความเชื่อ เช่น บุญบั้งไฟ การแห่ผีตาโขน เป็นต้น
1.บุญบั้งไฟเป็นประเพณีสำคัญของชาวอีสาน  นิยมทำในงานเทศกาลเดือนห้าฟ้าหก (ราวเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุปี)  ในช่วงนี้ชาวนาจะเตรียมไถนาจึงขอให้ฝนตกจากความเชื่อในเรื่องของสิ่งลี้ลับและเทวดาหรือพญาแถนที่อยู่บนสวรรค์  สามารถบันดาลให้ฝนตกฟ้าร้องได้  จึงมีการจัดพิธีบูชาพญาแถนทุกปีด้วยการทำบั้งไฟ
2.การแห่ผีตาโขนที่อำเภอด่านซ้าย  จังหวัดเลย  ผู้เล่นจะนำรูปหน้ากากที่มีลักษณะน่าเกลียดน่ากลัวมาสวมใส่และแต่งตัวมิดชิด  แล้วเข้าขบวนแห่แสดงท่าทางต่าง ๆ ในระหว่างมีงานบุญประเพณีประจำปีของท้องถิ่น  การแห่ผีตาโขนหรือที่อำเภอด่านซ้ายเรียกว่า บุญหลวง”  เป็นการรวมเอาบุญประเพณีบุญพระเวสและบุญบั้งไฟเข้าด้วยกัน โดยจะจัดขี้ขึ้นในช่วงวันข้างขึ้น เดือน 8 นิยมทำกัน 3 วัน
2.ด้านที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตทางการเกษตร ได้แก่
1.การทำขวัญข้าวเป็นประเพณีที่ยังคงทำกันอย่างกว้างขวางในหมู่ของคนไทยภาคกลาง  ไทยพวน  และอีสานทั่วไป  โดยจะนิยมทำกันเป็นระยะ  คือ ก่อนข้าวออกรวง หลังจากนวดข้าว  และขนข้าวขึ้นยุ้ง  สำหรับการเรียกขวัญ  ก่อนข้าวออกรวงจะนิยมทำกันตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เป็นต้นไป  ผู้ที่จะเรียกขวัญจะเป็นผู้หญิงซึ่งจะแต่งกายให้สวยงามกว่าธรรมดา  พอถึงที่นาของคนก็จะปักเรือนขวัญข้าวลงนา  จากนั้นก็นำผ้าซิ่นไปพาดกับต้นข้าว เอาขนมนมเนย ของเปรี้ยว ของเค็ม เครื่องประดับ ของหอมต่าง ๆ
หมาก พลู  และบุหรี่ ใส่ลงไปในเรือนขวัญข้าว  จากนั้นก็จุดธูป 8 ดอก เทียน 1 เล่ม และนั่งพนมมือเรียกขวัญข้าว พอเสร็จพิธีเรียกขวัญข้าวแล้วผู้ทำพิธีเรียกขวัญก็จะเก็บข้าวของที่มีค่าบางส่วนกลับบ้าน ส่วนเครื่องสังเวยอื่น ๆ  ก็จะทิ้งไว้ในเรือนขวัญข้าวนั้นต่อไปการทำขวัญข้าวเป็นความเชื่อของชาวนาว่าจะทำให้ข้าวออกรวงมาก  ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันมาแต่ดั้งเดิม
3.ด้านยาและการรักษาพื้นบ้าน  จากการศึกษาค้นคว้าและรวบรวมตำรายาพื้นบ้านในจังหวัดชลบุรี  โดยได้มีการสัมภาษณ์แพทย์แผนโบราณ  และค้นคว้าจากตำราที่บันทึกอยู่ในใบลาน  สมุดข่อยขาว สมุดข่อยดำ   พบว่ามีตำรายาไทยแผนโบราณทั้งหมด 318 ขนาน  ที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันมี 138 ขนาน  จำแนกตามคุณสมบัติ เช่น ยาแก้ไข้ 12 ขนาน  ยาแก้ท้องเสีย 6 ขนาน ยาขับโลหิต 29 ขนาน ยาแก้ไอ 1 ขนาน  ยาแก้
ท้องขึ้นท้องเฟ้อ 2 ขนาน ยาแก้ลม 11 ขนาน เป็นต้น  ยาส่วนใหญ่เป็นพืชสมุนไพร  และแร่ธาตุ
    นอกจากนี้  ยังมีตัวอย่างประเพณีวัฒนธรรมของคนในภาคกลางอีกจำนวนมาก  ที่ถือปฏิบัติกันมาช้านาน เช่น งานพีการทิ้งกระจาดของจังหวัดสุพรรณบุรี  งานประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ  จังหวัดนครสวรรค์  งานประเพณีตักบาตรเทโวของจังหวัดอุทัยธานี  ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง  จังหวัดฉะเชิงเทรา  ประเพณีก่อเจดีย์ทราย จังหวัดฉะเชิงเทรา  ประเพณีกวนข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาส  จังหวัดชัยนาท และ
ประเพณีสู่ขวัญข้าว  จังหวัดนครนายก  เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น