วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(ภาพการเซิ้งบั้งไฟ วัฒนธรรมตะวันออกเฉียงเหนือ)
ชนพื้นเมืองถิ่นอีสานดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย มีโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์บนพื้นฐานประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมต่าง ๆ ของภาคอีสานเป็นการนำแนวความคิด ความศรัทธา และความเชื่อที่ได้สั่งสมและสืบทอดเป้นมรดกต่อกันมา ตัวอย่างวัฒนธรรมในด้านต่างๆ มีดังนี้
1.ด้านอาหาร วัฒนธรรมเกี่ยวกับพืชผักและกรรมวิธีในการปรุงอาหารของชาวอีสานพบว่า พืชผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านบริโภคมีจำนวน 99 ชนิด แบ่งออกเป็นพืชน้ำ 10 ชนิด พืชบก 89 ชนิด พืชเหล่านี้มีบริโภคตลอดปี 57 ชนิด ส่วนที่เหลือเป็นพืชผักตามฤดูกาลพืชผักดังกล่าว กองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข
ได้วิเคราะห์สารอาหารแล้วจำนวน 44 ชนิด ซึ่งต่างให้คุณค่าทางโภชนาการมากมาย บางชนิดเป็นยาสมุนไพรสามารถป้องกันรักษาโรคภัยต่างๆ ได้
สำหรับกรรมวิธีการปรุงอาหารพบว่าชาวอีสานมีวิธีปรุงอาหารโดยเก็บพืชผักมาประกอบรวมกับเนื้อสัตว์
แล้วทำให้สุก เช่น นึ่ง ต้ม ย่าง เป็นต้น และเรียกอาหารที่ประกอบแล้วได้ 18 วิธี เช่น แกงอ่อม อ๋อ หมกยำ ส่า คั่ว หลู้ ป่น หลน ซุบ เนียน ลาบ ก้อย แจ่ว หลาม เป็นต้น
ส่วนการถนอมอาหารนั้นใช้เทคโนโลยีพื้นบ้าน ส่วนใหญ่เป็นการนำอาหารสดมาตากแห้งและใช้วิธีหมักตามธรรมชาติ
2.ด้านศาสนาและลัทธิความเชื่อ เช่น บุญบั้งไฟ การแห่ผีตาโขน เป็นต้น
1.บุญบั้งไฟเป็นประเพณีสำคัญของชาวอีสาน นิยมทำในงานเทศกาลเดือนห้าฟ้าหก (ราวเดือนเมษายน-พฤษภาคมของปี) ในช่วงนี้ชาวนาจะเตรียมไถนาจึงขอให้ฝนตกจากความเชื่อในเรื่องของสิ่งลี้ลับและเทวดาหรือพญาแถนที่อยู่บนสวรรค์ สามารถบันดาลให้ฝนตกฟ้าร้องได้ จึงมีการจัดพิธีบูชาพญาแถนทุกปีด้วยการทำบั้งไฟ
2.การแห่ผีตาดโขนที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ผู้เล่นจะนำรูปหน้ากากที่มีลักษณะน่าเกลียดน่ากลัวมาสวมใส่และแต่งตัวมิดชิด แล้วเข้าขบวนแห่แสดงท่าทางต่าง ๆ ในระหว่างมีงานบุญประเพณีประจำปีของท้องถิ่น การแห่ผีตาโขนหรือที่อำเภอด่านซ้ายเรียกว่า ”บุญหลวง” เป็นการรวมเอาบุญประเพณีบุญพระเวสและบุญบั้งไฟเข้าด้วยกัน โดยจะจัดขึ้นในช่วงวันข้างขึ้น เดือน 8 นิยมทำกัน 3 วัน
โดยวันแรกเป็นวันที่ประชาชนจากหมู่บ้านต่าง ๆ เดินทางมาร่วมงานซึ่งปกติจะนำบั้งไฟมาด้วย พิธีจะเริ่มตอนเช้าตรู่โดยทำพิธีอัญเชิญพระอุปคุตเข้ามาประดิษฐานในวัดโพนชัย เพราะเชื่อว่าจะสามารถป้องกันเหตุเภทภัยต่างๆ ที่จะเกิดในงานได้ จากนั้นก็มีการละเล่นทั้งกลางวันและกลางคืน เช่น เซิ้งบั้งไฟ ฟ้อนรำ การแสดงผีตาโขน เป็นต้น จนล่วงถึงวันที่สองของงาน การละเล่นก็ยังดำเนินต่อไป ในเย็นวันที่สองจะมีการจุดบั้งไฟ และวันที่สามพระจะเทศน์สังกาสและเรื่องพระเวสสันดรทั้งวัน
นอกจากตัวอย่างงานประเพณีที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีประเพณีงานบุญและเทศกาลที่สำคัญอีกจำนวนมาก เช่น งานบุญพระเวสหรือบุญมหาชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งกระทำกันหลังออกพรรษา งานบุญข้าวสากหรือบุญเดือนสิบ จังหวัดยโสธร ประเพณีการแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร และประเพณีไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม เป็นต้น
3.ด้านที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตทางการเกษตร ได้แก่ งานบุญคูนลานเมื่อชาวนาในพื้นถิ่นอีสานเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็จะมัดข้าวที่เกี่ยวเป็นฟ่อน และนำฟ่อนข้าวมารวมกองไว้ที่ลานเพื่อนวด และเมื่อนวดข้าวเสร็จก็นิยมทำกองข้าวที่นวดให้สูงขึ้นจากพื้นลานเรียกว่า “คูนลาน” ผู้ที่ได้ข้าวมากก็มักจะจัดทำบุญกองข้าวที่นวดให้สูงขึ้นจากพื้นลานเรียกว่า “คูนลาน” ผู้ที่ได้ข้าวมากก็มักจะจัดทำบุญกองข้าวขึ้นที่ลาน
ชาวอีสานถือว่าบุญคูนลานเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในฮิตสิบสองหรืองานทำบุญสำคัญในรอบหนึ่งปีของคนในภูมิภาคนี้ งานบุญคูนลานก็คืองานทำขวัญข้าวก่อนขนข้าวมาสู่ยุ้งฉางชาวบ้านจึงทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล เพิ่มความมั่งมีศรีสุขแก่ตนและครอบครัว และเป็นการอัญเชิญขวัญข้าว คือ พระแม่โพสพให้มาอยู่ประจำข้าว การทำนาข้าวจะได้ผลอุดมสมบูรณ์และผู้คนจะไม่อกอยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น